หนังสือคอมพิวเตอร์เมืองไทย กับความเป็นจริง
สำหรับบลอกวันนี้ อาจจะรุนแรงไป แต่ เรายอมรับกันแบบตรงๆ เอาแบบลูกผู้ชายไม้ตะพด เถอะครับ ว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ อย่าได้มาเถียงข้างๆ คูๆ เพื่อให้ชนะเลย
ปัญหาที่เราพบในวันนี้คือหนังสือคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่ง นับวันก็ยิ่งเลือนหายไป ย้ำครับว่า เลือนหายไปเรื่อยๆ แล้ว ที่เห็นมีอยู่ก็ยังกับว่าลอกกันมาเขียนเป็นอีกเล่ม หรือบางเล่ม ก็เปลี่ยนแค่ปก เนื้อหาแทบไม่ได้แก้อะไรเลย (สำหรับเล่มที่นักเขียนคนเดียวกัน เช่น VB 2013, VB 2015, VB 2018) หลายคนก็คงนึกออก ว่าเล่มไหน
เอาล่ะ
ไม่ว่าปัญหานั้นจะมีสาเหตุมาจากอะไร แต่ อย่างหนึ่งที่เห็นชัดเลยคือ หนังสือส่วนมาก ย้ำอีกรอบว่า ส่วนมากนะครับ ไม่ได้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของโปรแกรมเมอร์ หรือพูดง่ายๆ เลยก็คือ ไอ้คนเขียนหนังสือ ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ครับ
อ้าว
มาเขียนหนังสือสอนให้คนเขียนโปรแกรม แต่ตัวเองไม่ใช่โปรแกรมเมอร์เนี่ยนะ
นั่นล่ะที่มาของปัญหาข้อที่สอง
ปัญหาข้อที่สองครับ หนังสือเหล่านี้จากเคยให้ความรู้กันแบบไม่กั้ก มีเท่าไหร่จัดมาให้เต็ม คราวนี้มันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว กั้กไว้ เก็บไว้ แล้วยังไม่พอครับ ไปยัดเยียดเนื้อหาอะไรก็ไม่รู้สารพัดไปหมด ใส่ลงไป ไล่กันตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของแต่ละอย่าง โอ้วว พระเจ้าเหา ที่มันไม่มีให้อ่านใน google หรือไง ถึงได้มาเขียน เพื่อให้หนังสือมันหนาครับ พอหนาก็ทำราคาได้ดี
บางเล่มหนักสุด ภาพเดิม โค้ดเดิม เอามาแปะ หากินตั้งแต่หลายปีก่อน จนบัดนี้ ก็ยังเอาไอ้เป็ดสีเหลืองตัวนั้นมาแปะเป็นตัวอย่างอีก หรือบางเล่มหนักมาก พาทำเวิคชอปเว็บบอร์ด ก็เว็บบอร์ดอยู่อย่างนั้นหละ ถามกันแบบตรงๆ เลยครับ "หมดมุขแล้วเหรอ"
อ้าว ทำไมผมรู้ไส้รู้พุงขนาดนั้นล่ะ
ก็เพราะผมเขียนหนังสือคอมพิวเตอร์ขายอยู่ ไม่ว่าจะเป็น JAVA, PHP, Android, ... หลายคนก็ทราบดี ในวงการคอมพิวเตอร์นี้หนังสือผมขายได้ปีนึงหลายพันเล่ม และผมก็เขียนมาแล้วหลายสิบเล่ม เอาล่ะ ผมจึงรู้ความเป็นไป และวันนี้ จำเป็นต้องมาอธิบาย มาแฉ ให้คนได้รับรู้
ว่าตอนนี้หนังสือคอมพิวเตอร์ในบ้านเรา เอาใครก็ไม่รู้มาเขียน บางเล่ม คนเขียนเป็นอีกคน พอจะขายก็เอาชื่อคนดังๆ หน่อย มียศ ดร. ผศ. ต่างๆ มาแปะ แล้วสำนักพิมพ์ก็โปรโมตเข้ามหาลัย วิทยาลัย เพื่อ "ขาย" เอาเงินกับคนเรียน
ช่างมันเหอะ...
ดูเหมือนว่าตอนนี้ จะเหลือหนังสือดีๆ น้อยเล่มเข้าไปทุกวันแล้ว หลายคนได้อ่านบทความนี้ก็คงหาว่าผมเว่อ เพราะหนังสือมีเต็มไปหมด จะมาบอกว่า ไม่มีหนังสือดีๆ ได้ยังไง
ไม่เป็นไรครับ นานาจิตัง ผมเพียงแค่เขียนไว้ในบลอก เพื่อแบ่งปันอีกมุมมองหนึ่ง ที่ผมมองเข้าไป แล้วเห็นความเป็นจริง แม้จะขัดแย้งกับความคิดใครหลายคน แต่ผมก็จะเดินต่อไป พิสูจน์ต่อไป ว่าที่ผมพูดมา มันจริง
ปัญหาที่เราพบในวันนี้คือหนังสือคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่ง นับวันก็ยิ่งเลือนหายไป ย้ำครับว่า เลือนหายไปเรื่อยๆ แล้ว ที่เห็นมีอยู่ก็ยังกับว่าลอกกันมาเขียนเป็นอีกเล่ม หรือบางเล่ม ก็เปลี่ยนแค่ปก เนื้อหาแทบไม่ได้แก้อะไรเลย (สำหรับเล่มที่นักเขียนคนเดียวกัน เช่น VB 2013, VB 2015, VB 2018) หลายคนก็คงนึกออก ว่าเล่มไหน
เอาล่ะ
ไม่ว่าปัญหานั้นจะมีสาเหตุมาจากอะไร แต่ อย่างหนึ่งที่เห็นชัดเลยคือ หนังสือส่วนมาก ย้ำอีกรอบว่า ส่วนมากนะครับ ไม่ได้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของโปรแกรมเมอร์ หรือพูดง่ายๆ เลยก็คือ ไอ้คนเขียนหนังสือ ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ครับ
อ้าว
มาเขียนหนังสือสอนให้คนเขียนโปรแกรม แต่ตัวเองไม่ใช่โปรแกรมเมอร์เนี่ยนะ
นั่นล่ะที่มาของปัญหาข้อที่สอง
ปัญหาข้อที่สองครับ หนังสือเหล่านี้จากเคยให้ความรู้กันแบบไม่กั้ก มีเท่าไหร่จัดมาให้เต็ม คราวนี้มันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว กั้กไว้ เก็บไว้ แล้วยังไม่พอครับ ไปยัดเยียดเนื้อหาอะไรก็ไม่รู้สารพัดไปหมด ใส่ลงไป ไล่กันตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของแต่ละอย่าง โอ้วว พระเจ้าเหา ที่มันไม่มีให้อ่านใน google หรือไง ถึงได้มาเขียน เพื่อให้หนังสือมันหนาครับ พอหนาก็ทำราคาได้ดี
บางเล่มหนักสุด ภาพเดิม โค้ดเดิม เอามาแปะ หากินตั้งแต่หลายปีก่อน จนบัดนี้ ก็ยังเอาไอ้เป็ดสีเหลืองตัวนั้นมาแปะเป็นตัวอย่างอีก หรือบางเล่มหนักมาก พาทำเวิคชอปเว็บบอร์ด ก็เว็บบอร์ดอยู่อย่างนั้นหละ ถามกันแบบตรงๆ เลยครับ "หมดมุขแล้วเหรอ"
อ้าว ทำไมผมรู้ไส้รู้พุงขนาดนั้นล่ะ
ก็เพราะผมเขียนหนังสือคอมพิวเตอร์ขายอยู่ ไม่ว่าจะเป็น JAVA, PHP, Android, ... หลายคนก็ทราบดี ในวงการคอมพิวเตอร์นี้หนังสือผมขายได้ปีนึงหลายพันเล่ม และผมก็เขียนมาแล้วหลายสิบเล่ม เอาล่ะ ผมจึงรู้ความเป็นไป และวันนี้ จำเป็นต้องมาอธิบาย มาแฉ ให้คนได้รับรู้
ว่าตอนนี้หนังสือคอมพิวเตอร์ในบ้านเรา เอาใครก็ไม่รู้มาเขียน บางเล่ม คนเขียนเป็นอีกคน พอจะขายก็เอาชื่อคนดังๆ หน่อย มียศ ดร. ผศ. ต่างๆ มาแปะ แล้วสำนักพิมพ์ก็โปรโมตเข้ามหาลัย วิทยาลัย เพื่อ "ขาย" เอาเงินกับคนเรียน
ช่างมันเหอะ...
ดูเหมือนว่าตอนนี้ จะเหลือหนังสือดีๆ น้อยเล่มเข้าไปทุกวันแล้ว หลายคนได้อ่านบทความนี้ก็คงหาว่าผมเว่อ เพราะหนังสือมีเต็มไปหมด จะมาบอกว่า ไม่มีหนังสือดีๆ ได้ยังไง
ไม่เป็นไรครับ นานาจิตัง ผมเพียงแค่เขียนไว้ในบลอก เพื่อแบ่งปันอีกมุมมองหนึ่ง ที่ผมมองเข้าไป แล้วเห็นความเป็นจริง แม้จะขัดแย้งกับความคิดใครหลายคน แต่ผมก็จะเดินต่อไป พิสูจน์ต่อไป ว่าที่ผมพูดมา มันจริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น