นั่งทบทวนวันเก่า ๆ
วันนี้ผมมานั่งเขียนโปรแกรมที่ สำนักคอมพิวเตอร์ และเครือข่าย มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ณ ที่แห่งนี้ เงียบ และสงบอย่างมาก เหมาะกับการรำโค้ดในสไตน์ผม ผมได้ใช้ความเงียบนี้หาคำตอบบางอย่าง ที่ยังหาไม่เจอมาทั้งชีวิต ในเมื่อหาไม่เจอผมก็เลยนั่งทบทวนเรื่องราวของตัวเองตลอดเวลาที่ผ่านมา
ตั้งแต่เคยเรียนหนังสือในระบบที่เรียกกันว่า "ระบบการศึกษา" ผมเคยเรียนจบพร้อมเพื่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือจบอนุบาล 3 ณ โรงเรียนเทศบาลเทวีวรรณ ปัจจุบันปิดไปแล้ว (เจ้งสนิท)
พอมาเรียนประถมก็มาต่อที่ รร.เทศบาล วารินวิชาชาติ แต่ก็ไม่ได้จบพร้อมเพื่อน เพราะผลการเรียนมีปัญหาเล็กน้อย เลยล่าช้ากว่าคนอื่นไป
จากนั้นมาเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียน วิจิตราพิทยา ก็ยิ่งหนักไปกว่าเก่า ไม่จบ ม.3 เลย เพราะผลการเรียนเข้าขั้นย่ำแย่อย่างมาก จำได้ว่าเกรดเฉลี่ยทั้งสิ้นคือ 1.51 ติด 0 ไว้อีกราวสิบกว่าตัว แต่ด้วยโชคดีทางโรงเรียนให้เรียนต่อที่เดิมได้ ถึงแม้จะไม่จบก็ตาม
ผมเลยพลาดโอกาสในการเรียนต่อ วิทยาลัยเทคนิค สาขาช่างยนต์ ที่ผมอยากจะเรียน และไปตามเพื่อน ๆ เฮ้อ เลยไม่มีเพื่อน สุดท้ายต้องเรียนมัธยมปลาย ที่โรงเรียนแห่งเดิม ทีแรกก็ดีแต่พอหลัง ๆ เข้าข่ายเดิมอีก ติด 0 สาหัสกว่าตอน ม.ต้นเลยล่ะ จำได้ว่ามี 47 ตัว (ทั้งหมดที่เรียน ม.ปลาย) ยังไงซะสุดท้ายผมก็จบจนได้ แต่พลาดโอกาสเรียนต่อมหาลัยหลายแห่ง เพราะจบช้า
และที่พลาดอย่างยิ่งในชีวิต คือผมไม่มีสิทธิสมัครสอบเรียนหมอ เพราะไม่ได้จบสายวิทย์ เอ้าชิบหาย ชีวิตนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จะเรียนหมอ คุณมรึงต้องจบสายวิทย์ และต้องเกรดเฉลี่ยเท่านี้ เท่านั้น ไอ้พอจะเรียนสายวิทย์ก็เรียนไม่ได้อีก เพราะเกรดตอน ม.ต้นมันไม่พอ ทาง รร. ก็เลยให้เรียนได้แค่สายศิลป์คำนวน
สรุปว่าก้าวที่พลาดตั้งแต่ ม.1 มันกำหนดชีวิตที่เหลือของคนได้ทั้งชีวิตเลยหรือ
และแล้วก็มาเรียนระดับ ปวส. ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบล ก็ดันไม่ชอบวิชาที่เรียน กลับมาชอบการเขียนโปรแกรม (เหมือนกับว่า นี่ล่ะกรูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้) สุดท้ายก็เรียนไม่จบพร้อมเพื่อนอีก ด้วยเหตุว่าติด 0 ตัวนึงเป็นวิชาที่ผมได้คะแนนไปแล้ว 62 คะแนน แต่ไม่ยอมส่งรายงานบทสุดท้าย อ.ไม่พอใจ ก็เลยให้ติด - ไว้ก่อน ก็ตอนนั้นผมพอใจแล้วกับเกรด 2 ผมพอใจจะเอาแค่นั้น ทว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิด
ชีวิตก็เริ่มวนเวียน ค้นหาตัวเองต่อไป แต่ก็อยากมีสักครั้งที่เรียนจบพร้อมคนอื่นเขา เอามาเอาไปก็มาเรียนต่ออีกในระดับ ป.ตรี ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผลก็คือ ไม่จบพร้อมเพื่อนอีกละ เพราะติดโปรเจก สอบก่อนคนอื่น ทำก่อนคนอื่น แต่ดันแก้สารพัด สุดท้ายก็เลยจบช้ากว่าเขาเป็นปี ๆ เลย
ผมเลยหมดสิ้นแล้ว ศรัทธา การศึกษาไทย ไม่ขอโทษใครแต่โทษตัวเอง คนแบบนี้ กรอบความคิดแบบนี้ ไม่เหมาะกับระบบการศึกษา ที่มีกรอบ ผมเลยไม่เรียนต่อระดับใด ๆ อีก และไม่เรียนอะไรอีกเลย
มันทำให้วันนี้ ต้องมานั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่าทำไมตอนจบของนิทานในแต่ตอน ผมจบไม่เหมือนคนอื่น ๆ เขาเลย แล้วนิทานชีวิตของผมจะต้องจบลงแบบห่วย ๆ อีกหรือเปล่า...
ตั้งแต่เคยเรียนหนังสือในระบบที่เรียกกันว่า "ระบบการศึกษา" ผมเคยเรียนจบพร้อมเพื่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือจบอนุบาล 3 ณ โรงเรียนเทศบาลเทวีวรรณ ปัจจุบันปิดไปแล้ว (เจ้งสนิท)
พอมาเรียนประถมก็มาต่อที่ รร.เทศบาล วารินวิชาชาติ แต่ก็ไม่ได้จบพร้อมเพื่อน เพราะผลการเรียนมีปัญหาเล็กน้อย เลยล่าช้ากว่าคนอื่นไป
จากนั้นมาเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียน วิจิตราพิทยา ก็ยิ่งหนักไปกว่าเก่า ไม่จบ ม.3 เลย เพราะผลการเรียนเข้าขั้นย่ำแย่อย่างมาก จำได้ว่าเกรดเฉลี่ยทั้งสิ้นคือ 1.51 ติด 0 ไว้อีกราวสิบกว่าตัว แต่ด้วยโชคดีทางโรงเรียนให้เรียนต่อที่เดิมได้ ถึงแม้จะไม่จบก็ตาม
ผมเลยพลาดโอกาสในการเรียนต่อ วิทยาลัยเทคนิค สาขาช่างยนต์ ที่ผมอยากจะเรียน และไปตามเพื่อน ๆ เฮ้อ เลยไม่มีเพื่อน สุดท้ายต้องเรียนมัธยมปลาย ที่โรงเรียนแห่งเดิม ทีแรกก็ดีแต่พอหลัง ๆ เข้าข่ายเดิมอีก ติด 0 สาหัสกว่าตอน ม.ต้นเลยล่ะ จำได้ว่ามี 47 ตัว (ทั้งหมดที่เรียน ม.ปลาย) ยังไงซะสุดท้ายผมก็จบจนได้ แต่พลาดโอกาสเรียนต่อมหาลัยหลายแห่ง เพราะจบช้า
และที่พลาดอย่างยิ่งในชีวิต คือผมไม่มีสิทธิสมัครสอบเรียนหมอ เพราะไม่ได้จบสายวิทย์ เอ้าชิบหาย ชีวิตนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จะเรียนหมอ คุณมรึงต้องจบสายวิทย์ และต้องเกรดเฉลี่ยเท่านี้ เท่านั้น ไอ้พอจะเรียนสายวิทย์ก็เรียนไม่ได้อีก เพราะเกรดตอน ม.ต้นมันไม่พอ ทาง รร. ก็เลยให้เรียนได้แค่สายศิลป์คำนวน
สรุปว่าก้าวที่พลาดตั้งแต่ ม.1 มันกำหนดชีวิตที่เหลือของคนได้ทั้งชีวิตเลยหรือ
และแล้วก็มาเรียนระดับ ปวส. ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบล ก็ดันไม่ชอบวิชาที่เรียน กลับมาชอบการเขียนโปรแกรม (เหมือนกับว่า นี่ล่ะกรูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้) สุดท้ายก็เรียนไม่จบพร้อมเพื่อนอีก ด้วยเหตุว่าติด 0 ตัวนึงเป็นวิชาที่ผมได้คะแนนไปแล้ว 62 คะแนน แต่ไม่ยอมส่งรายงานบทสุดท้าย อ.ไม่พอใจ ก็เลยให้ติด - ไว้ก่อน ก็ตอนนั้นผมพอใจแล้วกับเกรด 2 ผมพอใจจะเอาแค่นั้น ทว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิด
ชีวิตก็เริ่มวนเวียน ค้นหาตัวเองต่อไป แต่ก็อยากมีสักครั้งที่เรียนจบพร้อมคนอื่นเขา เอามาเอาไปก็มาเรียนต่ออีกในระดับ ป.ตรี ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผลก็คือ ไม่จบพร้อมเพื่อนอีกละ เพราะติดโปรเจก สอบก่อนคนอื่น ทำก่อนคนอื่น แต่ดันแก้สารพัด สุดท้ายก็เลยจบช้ากว่าเขาเป็นปี ๆ เลย
ผมเลยหมดสิ้นแล้ว ศรัทธา การศึกษาไทย ไม่ขอโทษใครแต่โทษตัวเอง คนแบบนี้ กรอบความคิดแบบนี้ ไม่เหมาะกับระบบการศึกษา ที่มีกรอบ ผมเลยไม่เรียนต่อระดับใด ๆ อีก และไม่เรียนอะไรอีกเลย
มันทำให้วันนี้ ต้องมานั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่าทำไมตอนจบของนิทานในแต่ตอน ผมจบไม่เหมือนคนอื่น ๆ เขาเลย แล้วนิทานชีวิตของผมจะต้องจบลงแบบห่วย ๆ อีกหรือเปล่า...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น