ตามรอยโปรแกรมเมอร์ ถาวร ตอน ศิษย์มีครู
หลังจากพักมือกับการเขียนโค้ดทั้ง Objective-C, Yii PHP, Android ผมก็นั่งทบทวนถึงวันเก่าๆ ว่าเราก้าวมาไกลถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน จากคนไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ โอกาสที่จะยืนในสังคมที่คนอื่นเขาเป็นกัน นั่นล่ะ ทำให้ผมมองย้อนเรื่องราวกลับไปถึงวันนั้น วันที่ผู้หญิงคนนั้นมาเปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล และมีคนอีกหลายๆ เข้ามาเป็นกุญแจ ไขประตูให้กับผม
ขอเล่าทีละฉาก เริ่มต้นกันจาก ครูคนแรก ที่เอ่ยถ้อยคำนั้นเอาไว้ ผมยังคงจำได้แม่นยำจนถึงตอนนี้
ท่านอาจารย์ สุปรียา พิมพ์ทอง (ชื่อและนามสกุล ณ เวลานั้น) คนผู้นี้คือคนที่ผมพบเจอ ในวิชาคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีความชอบอะไรเกี่ยวกับคอมเลย แค่ต้องการมาเรียน ปวส. ให้มันจบๆ ไปแล้วก็หางานทำ แบบว่า ทำงานห่าอะไรก็ได้ ขอให้มันได้เงิน มีกิน ไม่อดตาย คิดแค่นั้นจริงๆ ครับ
อาจารย์ท่านพูดคำนึงขึ้นมา "ลูกศิษย์ครู จบไป 200 คน เขียนโปรแกรมได้ไม่ถึง 5 คน ไอ้พวกโปรแกรมเมอร์ คือพวกมีพรสวรรค์ ฉลาด สมองดี" เท่านั้นล่ะ ผมอยากวิ่งไปถามหน้าห้องเลยว่า อ. เมาหรือเปล่าครับ บ้าไปแล้วจบ 200 คน ทำได้ไม่ถึง 5 คน ในโลกนี้มันมีอาชีพอะไรยากขนาดนั้นวะ
และนั่นล่ะ ทำให้ผมไปเข้าห้องสมุด หาหนังสือ "เขียนโปรแกรม" มาอ่าน ศึกษา เพื่อลบล้างสิ่งที่อาจารย์พูดเอาไว้ในวันนั้น ไม่ได้ต้องการอะไรเลย แค่อยากทำให้เห็นว่า "ใครก็ทำได้" ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องฉลาด ไม่ต้องมีพรสวรรค์อะไรเลย เพราะคนแบบผม ก็ไม่มีอะไรทั้งหมดที่ว่ามา มีก็แค่ "ความเอาจริง"
กระทั่งผมเรียนจบและได้ทำงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ และในที่สุดก็ได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ก็ได้พบ กุญแจดอกที่ 2 ของชีวิต
ท่านอาจารย์ชยาพร แก่นสาร์ (ชื่อและนามสกุล ณ ตอนนั้น) ผมเห็นอาจารย์คนนี้ครั้งแรกรู้สึกชอบเลยครับ ด้วยความที่แกดูเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ และที่สำคัญมากคือ สาว และสวยมากๆ ด้วย (อันนี้คิดแบบศิษย์กับครูนะครับ) ฟ้าลิขิตแล้วให้ท่านได้มาเป็นที่ปรึกษาโปรเจคของผม ตอนนั้นทำระบบ M-Commerce คือทำโปรแกรมบน J2ME สั่งสินค้าออนไลน์ ผ่านโทรศัพท์ ก็เขียนมันทั้งระบบฝั่ง Server ใช้ JSP + JSTL ฐานข้อมูล PostgreSQL ส่วนฝั่ง Mobile ใช้ Java ME + Network Programming เขียนโค้ด
อ.ชยาพร ก็ได้เคี่ยวเข็น เพื่อให้งานของผมออกมาอย่างสมบูรณ์ อลังการ ยาก และโค้ดต้องเป็นระบบ งานต้องเนี้ยบ หน้าจอต้องใช้ง่าย จำนวนการคลิกต้องน้อยครั้งที่สุด และการใช้ทรัพยากรทั้ง Network, Database ต้องกินให้น้อยที่สุด
นั่นทำให้ผม เป็นคนมีความอดทน พยายาม และพัฒนาฝีมือทำชิ้นงานให้ อ.พอใจที่สุด (แม้บางครั้งก็แอบโมโหอาจารย์ไปบ้าง ที่แก้โปรเจคผมบ่อย)
เมื่อผมเรียนจบ ก็ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพ กระทั่งได้ลาออกกลับมาอยู่อุบลราชธานี บ้านเกิด และเริ่มต้นทำธุรกิจตัวเอง เป็นเจ้าของ บ.Software ตามที่ฝันเอาไว้ และนั่นผมก็ได้พึ่งพาอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกที่ 3 ของชีวิต
ท่านอาจารย์มนูญ ศรีวิรัตน์ (ชื่อและนามสกุล ณ ตอนนั้น) ท่านคือผู้ให้โอกาส คนจนๆ ไม่มีหัวคิด ไม่มีอะไรอย่างผม ได้เริ่มต้นกับธุรกิจตัวเอง โดยท่านช่วยประสานด้านสถานที่ให้ผมอาศัยชายคา สำนักคอมฯ ที่ ม.อุบลฯ เริ่มสร้างอาณาจักรเล็กๆ โดยไม่เสียค่าเช่า
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ บ. PingpongSoft อันยิ่งใหญ่ 5 ปีที่ผมสู้อย่างขาดใจ เขียนโค้ดแทบไม่ได้หลับนอน อดทนฟันฝ่ากับทุกๆ อุปสรรค เพื่อสักวันผมจะประสบความสำเร็จไปสู่ บ.ระดับพันล้าน โปรแกรมเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ศิษย์คนนี้ จะไม่มีวันนี้ได้เลย หากขาดกุญแจทั้ง 3 ดอกนี้ รวมถึงครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่ได้สั่งสอน ให้ความรู้ ให้ความคิด และให้ความเป็นคน ไม่ว่าผมจะมีความเพียร มีความเก่งกล้าสักแค่ไหน ก็ไม่อาจสำเร็จได้ หากขาดซึ่งครูบาอาจารย์
บทความนี้ผมเขียนขึ้นมา เพื่อขอบูชาบุญคุณอาจารย์ทั้ง 3 ท่านนี้ ที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กน้อยคนหนึ่งไปตลอดกาล ขอให้ทุกๆ ท่านมีความสุข ความเจริญ ทั้งกายและใจตลอดไปเทอญ
--- ด้วยรัก และเคารพอย่างสุดซึ้ง ---
ถาวร ศรีเสนพิลา : กรรมการผู้จัดการร้านปิงปองซอฟต์
16 กันยายน 2557
:)
ตอบลบสุดยอดมากเรยค่ะพี่^_^
ตอบลบ